ประวัติและความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก
ยิมนาสติก (Gymnastics) เป็นกีฬาที่เกี่ยวกับการแสดง ความแข็งแรง ความสวยงาม
ความคล่องแคล่วและการทำงานประสานกันของร่างกาย
เป็นกีฬาสากลประเภทหนึ่งที่จัดเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก
ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มมาเมื่อใด แต่มาปรากฏก่อนคริสต์ศักราช 2,600 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ชาวจีนได้มีการฝึกฝนท่ากายบริหารและคิดประดิษฐ์ท่าบริหารกายขึ้น
แต่การเริ่มต้นยิมนาสติกอย่างแท้จริงคาดว่าเริ่มสมัยเริ่มต้นของประวัติศาสตร์แห่งชาวกรีกและโรมัน
โดยเฉพาะกรีกโบราณ คำว่ายิมนาสติก เป็นภาษากรีก มาจากคำว่า Gymnos แปลว่า Nude หรือแปลว่า Naked Art มีความหมายว่า "ศิลปะแห่งการเปลือยเปล่า"
ภาพวาดในยุคกรีกโยราณที่คาดว่าเป็นการเล่นกีฬายิมนาสติกในสมัยนั้น
ประวัติและความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก
ยิมนาสติกเริ่มเล่นเมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานระบุชัดเจน
แต่สันนิษฐานว่าชาวกรีกโบราณเป็นประเทศแรกที่สนใจและมีบทบาทสำคัญต่อกีฬายิมนาสติกซึ่งจะเห็นได้จากคำว่า
ยิมนาสติก ก็เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึงศิลปะแห่งการเปลือยเปล่า
ทั้งนี้เพราะว่าในสมัยกรีกนั้นการออกกาลังกายทุกประเภทจะไม่สวมเครื่องแต่งกายมีการประกวดทรวดทรง
แข่งขันกีฬากลางแจ้ง ผู้ที่ชนะก็ถูกสร้างรูปปั้นแสดงไว้บริเวณสนามกีฬา
ที่เรียกว่ายิมเนเซียม ( Gymnasium ) กิจกรรมทุกประเภทที่มีการเล่นออกกาลังกายจะเล่นอยู่ในยิมเนเซียมทั้งหมด
เช่น การวิ่ง การเล่นผาดโผน ไต่เชือก กายบริหาร ศิลปะการต่อสู้ เป็นต้น
และเรียกกิจกรรมทุกประเภทที่ออกกาลังกายว่า ยิมนาสติก ดั้งนั้น
ยิมนาสติกในสมัยกรีก จึงเปรียบเสมือนกับการพลศึกษาในปัจจุบัน
กิจกรรมยิมนาสติกในประเทศกรีกนี้ ได้เริ่มต้นและพัฒนาไปพร้อมกับวิทยาการด้านศิลปะดนตรี
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์
ต่อมาเมื่อกีฬาแต่ละประเภทมีวิวัฒนาการมีกฎ ระเบียบ กติกา ของตนเองขึ้น
จึงแยกตัวออกไป คงเหลือกิจกรรมยิมนาสติกที่เห็นกันในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อชาวโรมันได้รุกรานประเทศกรีก
ก็ได้นากิจกรรมยิมนาสติกมาฝึกให้กับทหาร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพ
เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมอานาจลง
กิจกรรมยิมนาสติกก็ได้รับความสนใจและความนิยมน้อยลงตามไปด้วย จนกระทั้งถึงยุคกลาง
( Middle Age ) ระหว่างศตวรรษที่ 14-16
( พ.ศ. 1943-พ.ศ. 2143 )
กิจกรรมยิมนาสติกของกรีกก็ได้รับการฟื้นฟู ประชาชนมีความสนใจมากขึ้นเป็นลาดับ
ในสมัยนี้ มีการฝึกขึ้นและลงม้าที่ทาจากไม้ มีการแสดงกายกรรม การเล่นผาดโผน
หรือยืดหยุ่น การทรงตัว ตามสถานที่สาธารณะ
จึงทำให้กิจกรรมยิมนาสติกแพร่หลายไปในทวีปยุโรป กิจกรรมยิมนาสติกได้รับการพัฒนาอย่างแท้จริงในศตวรรษที่
18 และ 19 (พ.ศ. 2343-พ.ศ. 2443) ซึ่งเป็นยิมนาสติกที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง
ๆ
การเล่นกีฬายิมนาสติกในสมัยก่อน
บุคคลสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนากีฬายิมนาสติก ได้แก่
นายโจฮัน
เบสโดว์ ( Johann Basedow ) ชาวเยอรมัน ( พ.ศ.2266-พ.ศ.2233 ) เห็นประโยชน์และคุณค่าของวิชายิมนาสติก
จึงได้บรรจุวิชานี้ไว้ในหลักสูตรพลศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในปี พ.ศ.2319 และได้ดาเนินการสอนเป็นคนแรก กิจกรรมที่นำมาสอน เช่น การวิ่ง ขี่ม้า
เดินทรงตัวบนคานไม้ ม้าขวาง และว่ายน้า เป็นต้น
นายโจฮัน กัตส์ มัธส์ ( Johann
Guts Muths ) ชาวเยอรมัน(พ.ศ. 2302 -พ.ศ. 2361) ได้นำกิจกรรมยิมนาสติกสมัยกรีกมาประยุกต์กับการออกกาลังกายสมัยใหม่
โดยเขียนเป็นตารายิมนาสติกเล่มแรกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2336 ชื่อ
Gymnastic For Youth (ยิมนาสติกสำหรับเยาวชน)
และได้สร้างโรงยิมเนเซียมแห่งแรกขึ้น มีกิจกรรมที่ฝึก ได้แก่ ไม้กระดก ไต่เชือก
ราวทรงตัว และม้าขวาง เป็นต้น เขาจึงได้สมญาว่า ปู่แห่งกีฬายิมนาสติก
นายเฟรดริค จาน (Frederick
Jahn) ชาวเยอรมัน(พ.ศ. 2321-พ.ศ. 2395) ได้คิดประดิษฐ์อุปกรณ์เกี่ยวกับยิมนาสติกไว้มากมาย เช่น ราวเดี่ยว
ราวคู่ ม้าหู หีบกระโดด ม้ายาวชนิดสั้น (Buck) และในปี พ.ศ. 2345ได้สร้างสถานที่ฝึกยิมนาสติกโดยเฉพาะเรียกว่า เทอนเวอเรียน (Tarnverein) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทาให้กีฬายิมนาสติกแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
เขาจึงได้สมญาว่า บิดาแห่งกีฬายิมนาสติก
นายอดอฟ สปีช (Adolf
spiess) ชาวสวิส (พ.ศ. 2535-พ.ศ. 2401) เห็นคุณค่าและประโยชน์ของกีฬายิมนาสติก
ได้บรรจุวิชายิมนาสติกไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์
และได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของยิมนาสติก
นายดัดเลย์ เอ
ซาเกนท์ (Dudley A Sargen) ชาวอเมริกา(พ.ศ. 2383-พ.ศ.2467) เป็นครูสอนยิมนาสติกที่วิทยาลัยโบวดอย (Bowdoin
lleqen) เขาได้บรรจุยิมนาสติกไว้ในหลักสูตรระดับวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ
นอกจากนั้นยังมีสมาคมที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกีฬายิมนาสติก คือ สมาคม Y.M.C.A.
(The Young Men’s Christian Association) ได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์ยิมนาสติกไว้ในโรงยิมเนเซียม
และมีครูสอนเพื่อบริการแก่สมาชิกที่เข้ามาเล่น
จึงทำให้ยิมนาสติกได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ส่วนประเทศในแถบเอเชียที่มีการฝึกอย่างจริงจังคือ จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น
กีฬายิมนาสติกเริ่มต้นจากประเทศกรีก
เจริญขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศเยอรมัน และได้แพร่หลายไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยมีผู้สอนเป็นชาวเยอรมัน
กีฬายิมนาสติกเป็นที่นิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงทาให้ขาดครูผู้สอน ดังนั้นในปี
พ.ศ. 2408 ได้มีการตั้งวิทยาลัยยิมนาสติกขึ้นเป็นแห่งแรกที่เมือง อินเดียนาโปลิส
มลรัฐอินเดียนา
ยิมนาสติกมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก
ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก
กิจกรรมที่แข่งขัน เช่น การวิ่ง กระโดดสูง กระโดดไกล พุ่งแหลน ว่ายน้า ราวเดี่ยว
ราวคู่ คาน-ทรงหัว และฟรีเอ็กเซอร์ไซส์ เป็นต้น
พ.ศ. 2430 มีการก่อตั้งสหพันธ์ยิมนาสติกสากลขึ้นที่เมืองลีซ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
พ.ศ. 2439 มีการแข่งขันยิมนาสติกชายขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2471
การแข่งขันเพิ่มประเภทหญิง
พ.ศ. 2477
เริ่มบรรจุม้ากระโดดและราวต่างระดับ เข้าไว้ในการแข่งขันยิมนาสติก
พ.ศ.
2479 ได้กำหนดให้ชายแข่งขันท่าชุดของแต่ละอุปกรณ์ 12 ท่า
หญิง 8 ท่า ทีมหนึ่ง
มีนักกีฬา 8 คน
พ.ศ. 2495
กำหนดอุปกรณ์แข่งขันของชาย มี 6 อุปกรณ์ หญิงมี 4 อุปกรณ์ ยิมนาสติกนี้เรียกว่า ยิมนาสติกสากล (Artistic Gymnastics)
พ.ศ. 2513
มียิมนาสติกลีลาใหม่ประกอบดนตรี (Modern Rhythmic Gymnastics)
เกิดขึ้น
พ.ศ. 2515 ประเทศไทยเป็นสมาชิกสหพันธ์ยิมนาสติกสากล
ประวัติความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก
ในประเทศไทย
การเริ่มเล่นยิมนาสติกในประเทศไทยนั้นไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด
แต่สันนิษฐานว่า เริ่มเล่นในสมัยรัชกาลที่ 5เพราะในสมัยนี้ได้ส่งคนไปศึกษาต่างประเทศ
เมื่อกลับมาก็ได้นาเอาวิชายิมนาสติกมาเผยแพร่
โดยเริ่มสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ต่อมากระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าวิชายิมนาสติกมีประโยชน์ในการพัฒนาร่างกายและจิตใจ
จึงให้อาจารย์ร้อยเอกขุนเจนกระบวนหัด
ซึ่งศึกษาวิชานี้มาจากต่างประเทศเปิดสอนยิมนาสติกที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
จัดเป็นวิชาหนึ่งในการสอน และจัดเข้าไว้ในหลักสูตรโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
และโรงเรียนฝึกหัดครูพลานามัย
พ.ศ. 2511 ยิมนาสติกในประเทศไทยได้รับการพัฒนาขึ้น เมื่อมี
การก่อตั้งสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 26
มกราคม พ.ศ. 2511
คณะกรรมการโอลิมปิกไทยและสหพันธ์ยิมนาสติกสากลรับรอง เมื่อปี พ.ศ. 2515 ประเทศไทยจึงได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เดนมาร์ค
ส่งนักยิมนาสติกมาสาธิตการเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง
พ.ศ. 2515 มีการสอนในวิทยาลัยพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒอย่างจริงจังและเริ่มมีการแสดงโชว์ตามสถานที่ต่าง
ๆ และประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์ยิมนาสติกสากล (F.I.G) อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในปีเดียวกัน
พ.ศ.2520
ได้มีการอบรมเกี่ยวกับกติกาและการจัดการแข่งขันแก่ครูอาจารย์และผู้สนใจเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกีฬายิมนาสติกมากยิ่งขึ้น
และในปีนี้ได้จัดให้กีฬายิมนาสติกเป็นกีฬาหนึ่งในการแข่งขันกีฬาวิทยาลัยศึกษา
พ.ศ. 2521 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเอเซียนเกมส์ ครั้งที่ 8 ยิมนาสติกเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดให้มีการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งก็ได้รับความสนใจเข้าชมรมจากประชาชนและเยาวชนมากพอสมควร
และในปีนี้เองกระทรวงศึกษาธิการได้จัดให้วิชายืดหยุ่นซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬายิมนาสติก
เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
พ.ศ. 2525 และ พ.ศ. 2529
ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬายิมนาสติกเข้าร่วมแข่งขันในกีฬาเอเชียนเกมส์
ถึงแม้จะไม่ได้เหรียญรางวัล
แต่ก็เป็นการสร้างประสบการณ์ให้แก่นักกีฬามากขึ้นแต่ถ้าเป็นการแข่งขันในกีฬาซีเกมส์
ซึ่งเป็นการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยประสบความสำเร็จในกีฬายิมนาสติกมาก
โดยเฉพาะในประเภทชาย
พ.ศ. 2537 การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ
เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น นักกีฬายิมนาสติกของจีนครองความยิ่งใหญ่ทั้งประเภทชาย
และประเภทหญิงสำหรับนักกีฬาของไทยที่เข้าร่วมแข่งขันก็ประสบความสำเร็จใจการแข่งขันอุปกรณ์ห่วงพอสมควร
คือ นายอมรเทพ แววแสง
พ.ศ. 2538 การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ณ
จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย นักกีฬายิมนาสติกของไทย ครองความยิ่งใหญ่ทั้งประเภทชาย
และประเภทหญิงโดยได้เหรียญทองทั้งประเภททีม และประเภทเดี่ยวรวมทุกอุปกรณ์
และในแต่ละอุปกรณ์ก็ได้เหรียญทองเกือบทุกประเภท
ปัจจุบันกีฬายิมนาสติกในประเทศไทยได้รับการส่งเสริมและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้จากการที่นักกีฬาไทยมีอันดับความสามารถอยู่ในอันดับต้น
ๆ ของภูมิภาคและภายในทวีป
การเล่นกีฬายิมนาสติกในปัจจุบัน
สมาชิกกลุ่ม
1. น.ส.ภิญญภัชชา ม่วงศิลา ชั้น ม.4/4 เลขที่ 5
2.น.ส.สุทธิจิต ศิริโชติยะกุล ชั้น ม.4/4 เลขที่ 7
3.นายพีรวิชญ์ สัจจรักษ์ ชั้น ม.4/4 เลขที่ 15
4.นายพุฒิเมธ ตุลาบดี ชั้น ม.4/4 เลขที่ 16
5.น.ส.จรรยพร โรจน์ประสิทธิ์พร ชั้น ม.4/4 เลขที่ 23
6.น.ส.ภณิด์ณัทช์ อินทร์จันทร์ ชั้น ม.4/4 เลขที่ 24
งานอ้างอิงถึง
Gymnastics
History. (ม.ป.ป.). เรียกใช้เมื่อ 30
มิถุนายน 2560 จาก gymnasticsontario: http://www.gymnasticsontario.ca
ประวัติยิมนาสติก. (ม.ป.ป.).
เรียกใช้เมื่อ 30 มิถุนายน 2560 จาก sites.google: https://sites.google.com/site/saychayspxrtxefsi/prawati-yimnastik
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น